สำหรับใครที่กำลังมองหาซีรีส์ที่ไม่เหมือนใครในยุคทองของการสร้างสรรค์เนื้อเรื่องแปลกใหม่ ปี 2007 ก็ได้กลายเป็นปีที่น่าจดจำด้วยผลงาน masterpieces ที่หลากหลาย หนึ่งในนั้นคือ Pushing Daisies ซีรีส์แนวฟэнตาซีโรแมนติก-คอมเมดีที่ผสมผสานองค์ประกอบวิเศษสุดประหลาดเข้ากับเนื้อเรื่องที่อบอวลไปด้วยความรัก
Pushing Daisies โด่งดังมาจากฝีมือของ Bryan Fuller ผู้สร้างผลงาน cults classics อย่าง Dead Like Me และ Hannibal ซีรีส์นี้ได้คว้ารางวัล Emmy Awards ถึง 7 สาขา รวมทั้ง Outstanding Directing for a Comedy Series และ Outstanding Main Title Design นับเป็นการยืนยันถึงความโดดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้ในด้านเทคนิคและการเล่าเรื่อง
เนื้อเรื่องที่ไตร่ตรองความรักและความตาย
Pushing Daisies เล่าเรื่องราวของ Ned, ชายหนุ่มผู้มีพลังพิเศษในการฟื้นคืนชีพผู้เสียชีวิตได้เพียงแค่สัมผัส 30 นาที แต่หลังจากนั้น ผู้ที่ถูกฟื้นคืนจะต้องจากไปตลอดกาล หากต้องการให้ผู้ตายกลับมาอยู่ครบ 24 ชั่วโมง Ned ต้องเลือกที่จะเสียสละชีวิตของเขาเองแทน
ด้วยพรวิเศษนี้ Ned เปิดร้านขนมหวาน “The Pie Hole” ร่วมกับ Chuck, หญิงสาวที่เขาหลงรักและฟื้นคืนชีพจากความตาย
Chuck ไม่สามารถอยู่ร่วมโลกมนุษย์ได้นานกว่า 30 นาที จึงต้องซ่อนตัวอยู่ในอู่รถของ Ned และเป็นผู้ช่วยในร้านอย่างลับๆ
ด้วยความรักและห่วงใย Ned หันไปใช้พลังของเขาเพื่อไขปริศนาการตายของคนอื่น เพื่อให้ Chuck กลับมาได้อีกครั้ง
ตลอดเส้นทางการสืบสวน Ned, Chuck และ Emerson (เพื่อนสนิทของ Ned) ได้เผชิญหน้ากับผู้ร้ายหลากหลาย บุกเข้าไปในโลกมืดและลึกลับของอาชญากรรม
ซีรีส์ไม่ได้จดจำด้วยเนื้อเรื่องที่แปลกแหวกแนวเท่านั้น แต่ยังขึ้นชื่อในด้านการกำกับภาพ
Pushing Daisies เป็นงานศิลปะที่เต็มไปด้วยสีสันสดใส การออกแบบฉากอย่างพิถีพิถัน และเครื่องแต่งกายสุดวิจิตร
นักแสดงที่สร้างความประทับใจ
Lee Pace รับบท Ned นักขนมหวานผู้มีพลังวิเศษ Lee Pace เป็นนักแสดงที่มีความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง เขาทำให้ Ned ดูเป็นคนแสนดีและน่าสงสาร แม้จะมีความลับและอำนาจพิเศษ
Anna Friel รับบท Chuck หญิงสาวที่ Ned ตกหลุมรัก Anna Friel โชว์ฝีมือการแสดงที่ยอดเยี่ยม ทำให้ Chuck เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์และดึงดูดผู้ชม
Chi McBride รับบท Emerson เพื่อนสนิทของ Ned และเป็นผู้ช่วยสืบสวน Chi McBride แสดงคาแรคเตอร์ Emerson ที่ทั้งขี้โม้ ขี้โมโห และใจดีได้อย่างลงตัว
ความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร
นอกจากเนื้อเรื่องและการแสดงที่โดดเด่นแล้ว Pushing Daisies ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในด้านดนตรีประกอบ ซีรีส์นี้ใช้เพลงที่มีทำนองไพเราะและลึกลับ ทำให้เกิดบรรยากาศของโลกแฟนตาซีได้อย่างลงตัว
Pushing Daisies เป็นซีรีส์ที่ควรค่าแก่การรับชมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบแนวฟэнตาซีโรแมนติก-คอมเมดี
ซีรีส์เรื่องนี้มีความสร้างสรรค์ทั้งในด้านเนื้อเรื่อง การแสดง และดนตรีประกอบ
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
เนื้อเรื่องแปลกใหม่และน่าติดตาม | ซีรีส์จบลงหลังจาก 2 ซีซั่น |
การแสดงของนักแสดงนำที่ยอดเยี่ยม |
Pushing Daisies เป็นซีรีส์ที่ได้ทิ้งร่องรอยอันล้ำค่าในวงการโทรทัศน์
แม้ว่าซีรีส์จะจบลงไปแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นความทรงจำที่พิเศษสำหรับผู้ที่เคยชม