The Handmaid's Tale: อนาคตดิสโทเปีย สังคมชายเป็นใหญ่ และการต่อสู้เพื่อความเป็นอิสระ

จากประสบการณ์หลายปีในการวิเคราะห์ภาพยนตร์และซีรีส์มานับไม่ถ้วน ข้าพเจ้าสามารถยืนยันได้อย่างมั่นใจว่า “The Handmaid’s Tale” (อวัยวะของหญิง) เป็นหนึ่งในผลงานทีวีที่ทรงคุณค่าที่สุดของยุค 2017

ซีรีส์นี้สร้างจากนวนิยายชื่อเดียวกันของ มาร์garet Atwood ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1985 และได้รับการยกย่องอย่างสูงสำหรับความวิพากษ์วิจารณ์สังคมอย่างเฉียบคม “The Handmaid’s Tale” ถูกดัดแปลงให้เป็นซีรีส์ทีวีโดย Hulu ในปี 2017 และกลายเป็นปรากฏการณ์ทันที

เรื่องราวของซีรีส์นี้ดำเนินไปในประเทศ Gilead สถานที่ซึ่งอำนาจตกอยู่ในมือของกลุ่มชาตินิยมสุดโต่ง พวกเขาได้ยึดครองสหรัฐอเมริกาและสถาปนาสังคมโดยที่ผู้หญิงถูก 박탈 권리 และถูกบังคับให้ทำหน้าที่เป็น “Handmaids” หรือ “หญิงรับใช้”

Handmaids เป็นผู้หญิงที่มีความสามารถในการมีบุตร ซึ่งถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายชั้นสูง (Commanders) เพื่อให้กำเนิดทายาทใหม่สำหรับรัฐบาล

ตัวละครหลักของเรื่องราวคือ Offred (รับบทโดย Elisabeth Moss) Handmaid ที่ถูกบังคับให้ใช้ชีวิตในบ้านของ Commander Waterford และภรรยา Serena Joy

Offred ตระหนักถึงความไม่ชอบธรรมของสถานการณ์ที่เธอต้องเผชิญ เธอยืนหยัดต่อต้านระบบการปกครองที่โหดร้ายนี้ และฝันถึงวันที่จะได้รับอิสรภาพ

ซีรีส์ “The Handmaid’s Tale” นำเสนอเรื่องราวที่น่าสะเทือนใจและทรงพลัง ซึ่งสำรวจถึงผลกระทบของการกดขี่และการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ตัวละครที่น่าจดจำ:

เหตุผลที่ควรดู “The Handmaid’s Tale” :

• พล็อตที่ดุดันและน่าติดตาม: เรื่องราวของ “The Handmaid’s Tale” จะทำให้คุณนั่งไม่ติดทั้งคืน มันเต็มไปด้วยความตึงเครียด สงสัย และการเผชิญหน้าทางศีลธรรม
• การแสดงที่ยอดเยี่ยม: Elisabeth Moss แสดงเป็น Offred ได้อย่างโดดเด่น เธอนำเสนอความกลัว ความหวัง และความแข็งแกร่งของตัวละครได้อย่างสมจริง
• การวิพากษ์สังคมที่แหลมคม: ซีรีส์นี้สำรวจถึงประเด็นสำคัญ เช่น การกดขี่ผู้หญิง, ศาสนา, อำนาจ และความเป็นอิสระ

“The Handmaid’s Tale” เป็นผลงานทีวีที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดำเนินเรื่องที่เข้มข้นและการแสดงที่ยอดเยี่ยม ซีรีส์นี้จะทำให้คุณคิดทบทวนเกี่ยวกับโลกและสังคมของเรา และอาจเป็นแรงบันดาลใจให้คุณต่อสู้เพื่อความยุติธรรม